โรคไอกรน โรคร้ายในเด็ก ที่ป้องกันได้
14 พฤศจิกายน 2567
" โรคไอกรน " หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Pertussis เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bordetella pertussis โดยเชื้อนี้จะเข้าไปทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดการอักเสบและทำให้ผู้ป่วยไอเป็นชุดๆ จนอาจทำให้หายใจไม่ออกได้ พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
สาเหตุของโรคไอกรน
โรคไอกรนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Bordetella pertussis โดยเชื้อนี้จะแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางละอองฝอยที่เกิดจากการไอหรือจามของผู้ป่วย
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไอกรน
- เด็กเล็ก : โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน : ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรน หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดส
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ : เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
อาการของโรคไอกรน โรคไอกรนแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
- ระยะแรก : อาการคล้ายหวัด เช่น มีน้ำมูก ไอแห้ง ไข้ต่ำ
- ระยะที่สอง : เป็นระยะที่เด่นชัดที่สุด คือ การไอเป็นชุดๆ ยาวนาน และดังมาก จนอาจทำให้หน้าแดง กลั้นหายใจ หรืออาเจียนได้
- ระยะฟื้นตัว : อาการไอจะค่อยๆ ลดลง แต่ยังคงมีอาการไอเรื้อรังอยู่
ภาวะแทรกซ้อน โรคไอกรนอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุงแรงได้ เช่น
- ปอดอักเสบ : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นซ้ำเติม
- สมองบวม : เกิดจากการขาดออกซิเจนขณะไอรุนแรง
- กระดูกซี่โครงหัก: เกิดจากการไอแรงๆ
- หูชั้นกลางอักเสบ
การป้องกันโรคไอกรน
วิธีการป้องกันโรคไอกรนที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน โดยวัคซีนป้องกันโรคไอกรนจะรวมอยู่ในวัคซีนรวมที่ป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยักด้วย (DTaP) นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ยังควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอื่นๆ ดังนี้
- ล้างมือบ่อยๆ : โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสกับผู้ป่วย
- ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม : เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย : โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาด
การรักษาโรคไอกรนการรักษาโรคไอกรนส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การบรรเทาอาการ เช่น
- ยาปฏิชีวนะ : ใช้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียในระยะเริ่มต้นของโรค
- ยาลดอาการไอ : ช่วยบรรเทาอาการไอ
- ยาแก้แพ้ : ช่วยลดอาการคันคอ
คำแนะนำ
- พาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนตามกำหนด : เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคไอกรน
- สังเกตอาการของบุตรหลาน : หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์
- รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล : เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
โรคไอกรนเป็นโรคติดเชื้อที่สามารถป้องกันได้ การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้
หากสงสัยว่าตนเองหรือบุตรหลานป่วยเป็นโรคไอกรนควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย
และรักษาที่ถูกต้องหากมีคำถามหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา ต้องการปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ